อิสตันบูล – ชานัคคาเล่ – ม้าไม้เมืองทรอย – เมืองโบราณทรอย – อิสเมียร์ – เอฟเฟซุส – ปามุคคาเล่ -คาราวานสไรน์ –คัปปาโดเจีย – เมืองใต้ดิน – Pigeon Valley – เบลลี่แดนซ์ – ทะเลสาบเกลือ – อังการ่า – สุสานอตาร์เติร์ก – ฮิปโปโดรม – สุเหร่าสีน้ำเงิน – โบสถ์เซนต์โซเฟีย – โดลมาบาห์เช่ – ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส – สไปซ์มาร์เก็ต
20.00 น : พร้อมกัน ณ เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศสนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 แถว u โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทาง และผ่านขั้นตอนการตรวจคนออกนอกประเทศ
23.00 น. : ออกเดินทางสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยเที่ยวบิน TK69 (ใช้เวลาบินประมาณ 10 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลาย กับจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯบริการอาหาร 2 มื้อระหว่างเที่ยวบินสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี
05.15 น. : เดินทางถึง ท่าอากาศยานอิสตันบูล ประเทศตุรกี (เวลาท้องถิ่นที่ตุรกีช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วให้ท่านได้มีเวลาทำภารกิจส่วนตัวหรือท่านที่ต้องการแลกเงินก็สามารถแลกได้ที่เคาน์เตอร์รับแลกเงิน เมื่อเสร็จภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้วนำท่านออกเดินสู่ เมืองชานัคคาเล่ Canakkale ***ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง*** ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ 1,250 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่บนทะเลมาร์มาราและทะเลอีเจียน เมืองแห่งนี้เคยเป็นที่ประชุมทางการค้า ศูนย์กลางการเดินเรือเชื่อมต่อเอเชียกับยุโรป นำท่านนั่งเรือข้ามฟากไปยังเมืองชานัคคาเล่บริเวณช่องแคบดาดาเนล ใช้เวลาในการนั่งเรือประมาณ 30 นาที
เที่ยง : บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย : นำท่านเก็บภาพประทับใจกับ ม้าโทรจัน หรือ ม้าไม้เมืองทรอย (Trojan horse) ที่ฮอลลีวู้ดใช้ในการถ่ายทำหนังเรื่องทรอยตั้งแต่ปี ค.ศ 2014 จากมหากาพย์อิเลียต (Iliad) ในสงครามระหว่างชาวโทรจันกับกรีก โดยหลังจากที่รบยืดเยื้อมานานนับ 10 ปี โอดิเซียสแม่ทัพฝั่งกรีกจึงคิดอุบายม้าไม้ขึ้น เพื่อต้องการบุกเข้าเมืองทรอยที่มีป้อมปราการแข็งแรง โดยการสร้างม้าไม้นี้ แล้วให้ทหารเข้าไปซ่อนในตัวม้า ทำทีว่าพ่ายแพ้ยกทัพไปแอบหลังเขา จนทำให้ชาวเมืองทรอยตายใจ ลากม้าไม้เข้าไปในเมือง ฉลองกันอย่างสนุกสนาน จนพอตกดึกทหารกรีกที่ซ่อนอยู่ในม้าก็แอบออกมาเปิดประตูเมืองให้กองทัพกรีกที่รออยู่เข้ายึดเมืองทรอยได้อย่างง่ายได้
จากนั้นนำท่านชม เมืองโบราณทรอย(Troy) ตามตำนานกรีกโบราณในมหากาพย์เรื่อง ‘อิเลียต’ (Iliad) ของกวีนามว่า ‘โฮเมอร์’ (Homer) ได้มีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘กรุงทรอย’ (Troy) เอาไว้ว่า ‘กรุงทรอย มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของช่องแคบเฮลเลสพอนด์ (Hellenpond) ทำให้นครแห่งนี้สามารถควบคุมเส้นทางการติดต่อทั้งทางบกและทางน้ำระหว่างทวีปเอเชียและทวีปยุโรปได้ ตามบันทึกที่ว่านั้นนักวิชาการทั้งหลายต่างเชื่อว่าเมืองทรอยเป็นเพียงเรื่องเล่าในมหากาพย์เท่านั้น จนกระทั่ง ในช่วงปี ค.ศ.1870-1890 นักโบราณคดีชาวเยอรมันที่ชื่อว่า ไฮน์ริช ชลีมานน์ (Heinrish Schliemann) ได้ขุดค้นพบซากเมืองโบราณที่เชื่อกันว่าเป็นเมืองทรอยที่โฮมเมอร์พูดถึง เดินทางสู่เมือง อิสเมียร์ (Izmir)***ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง***
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางสู่เมืองคูซาดาซี ***ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง*** ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ติดกับชายฝั่งทะเลอีเจี้ยนซึ่งเป็นท่าเรือที่สำคัญตั้งแต่สมัยโรมัน
ชมโรงงานเสื้อหนัง ซึ่งเป็นสินค้าพรีเมี่ยมมีชื่อเสียงของประเทศตุรกี โดยที่นี่จะผลิตจากหนังคุณภาพเยี่ยมคือหนังแกะเท่านั้น แบรนด์ดังๆจากทั่วโลก เช่น Versace, Micheal Kors และแบรนด์ดังอื่นๆ อีกมากมาย จะส่งมาสเตอร์พีซเพื่อให้โรงงานผลิตและนำไปติดแบรนด์ขายในยุโรป อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อเสื้อหนังคุณภาพแบรนด์ดังยุโรปในราคาโรงงาน นำท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองที่มีสวนผสมของน้ำมะกอก จากนั้นนำท่านชมเมืองโบราณเอฟฟิซุส City of Ephesus หัวเมืองโรมันที่ใหญ่ที่สุดฝั่งอนาโตเลีย ท่านจะได้ชมความงามของซากเมืองโบราณที่อยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์มากมาย อาทิเช่น ห้องสมุดของเซลซุส Library of Celsus, วิหารแห่งจักรพรรดิเฮเดรียน Temple of Hadrian, ห้องอาบน้ำโรมันโบราณ ROMAN BATH และโรงละคร Great Theatre ขนาดใหญ่ ที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 30,000 คน
เที่ยง : บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารท้องถิ่น นำท่านเดินทางสู่ ปามุคคาเล (Pamukkale) ***ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง*** นำท่านสัมผัสประสบการณ์การแช่น้ำแร่ที่ปามุคคาเล ซึ่งแปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) ตั้งอยู่ในเมืองปามุคคาเล จังหวัดเดนิซลิ (Denizli) ประเทศตุรกี มีลักษณะเป็นระเบียงน้ำพุเกลือร้อน ที่อุดมไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต หรือหินปูน เกิดจากเมื่อน้ำแร่ผุดขึ้นมาสู่ผิวดินและทำปฏิกิริยากับออกซิเจนจนทำให้เกิดการแข็งตัวเป็นชั้นของแคลเซียมคาร์บอเนต ชั้นสีขาวคล้ายหิมะและบริเวณที่มีน้ำขังก็จะมองเห็นเป็นสีฟ้าสวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวกรีกและโรมันเชื่อว่า น้ำแร่ที่ปราสาทปุยฝ้ายเป็นน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถบำบัดและรักษาโรคได้ จึงทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันมาแช่น้ำแร่ตามความเชื่อ จนมีการสร้างเมืองโบราณ เฮียราโปลิส (หมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์) ขึ้นในบริเวณใกล้เคียงนั่นเอง ปามุคคาเล่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988 ปามุคคาเล่เป็นแหล่งปลูกฝ้ายที่ใช้สำหรับผลิตเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มต่างๆ รวมไปถึงยังเป็นแหล่งผลิตส่งออกขนาดใหญ่ของตุรกี อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าส่งทอจากฝ้าย ณ โรงงานท้องถิ่น
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเจีย (ระยะทาง 615 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง) หรือที่รู้จักกันในนาม “ดินแดนแห่งปล่องนางฟ้า” ได้รับการแต่งตั้งจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกีในปีค.ศ. 1985 ดินแดนที่เกิดจากการทับถมของลาวาและเถ้าภูเขาไฟตั้งแต่ 3 ล้านปีมาแล้ว เมื่อกาลเวลาผ่านไปการกัดกร่อนโดยธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น ลม ฝน หิมะ จึงทำให้เกิดลักษณะภูมิทัศน์ที่แปลกตา
เที่ยง : บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น ระหว่างทางนําท่านแวะชม “คาราวานสไรน์” ที่พักแรมและที่แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างทางของพ่อค้าที่ใช้เส้นทางสายไหมจากจีนมายังยุโรปและชาวเติร์กในสมัยออตโตมัน
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม กิจกรรมเสริมแนะนำ ทัวร์ขึ้นบอลลูน โดยท่านจะเห็นวิวทั่วเมืองคัปปาโดเจียยามเช้า (ทัวร์นั่งบอลลูนไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ ค่าขึ้นบอลลูนประมาณท่านละ 250 ดอลล่าสหรัฐ สอบถามราคากับทางหัวหน้าทัวร์อีกครั้งในวันที่จะเดินทาง) เจ้าหน้าที่บริษัทบอลลูน รอรับท่านเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ไม่ควรพลาด (สาหรับท่านที่ไม่ได้ซื้อทัวร์ขึ้นบอลลูน อิสระพักผ่อนที่โรงแรมได้ตามอัธยาศัย) ทัวร์เสริมนอกจากบอลลูนยังมีจิ๊บซาฟารี ซึ่งจะพาท่านเข้าไปชมวิวอย่างใกล้ชิดในหุบเขานางฟ้า ท่านจะได้ถ่ายรูปสวยๆแบบใกล้ชิด วิวเดียวกับบอลูนคนละมุมมอง มีความสนุกและตื่นเต้นไม่แพ้กัน ทัวร์จิ๊บซาฟารีไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ ราคาท่านละ 120 ดอลล่าสหรัฐ สามารถสอบถามเพิ่มเติมกับหัวหน้าทัวร์หน้างาน
นำท่านชม นครใต้ดิน (Underground City) ซึ่งเกิดจาการขุดเจาะลงไปเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรูในยามศึกสงคราม ความมหัศจรรย์ของเมืองใต้ดินคือ จะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเท่ากันตลอดทั้งปี การออกแบบมีทั้งห้องครัว ห้องเลี้ยงสัตว์ ห้องนั่งเล่น ห้องเก็บอาหาร เป็นต้น และยังมีระบบระบายอากาศที่ชาญฉลาดทำให้เรายังคงหายใจได้สะดวกถึงแม้อยู่ลงลึกไปใต้ดิน
เที่ยง : บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น จากนั้น ชมโรงงานเซรามิค ชมการสาธิตวิธีการทำเครื่องปั้นดินเผา ที่เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของพื้นที่แถบคัปปาโดเกีย ซึ่งสืบทอดมายาวนานตั้งแต่ยุคหินใหม่ และโรงงานจิวเวอรี่ ซึ่งหิน “ซูตาไนต์” ปัจจุบันค้นพบได้เฉพาะที่ตุรกีที่เดียวในโลกเท่านั้น โดยมีลักษณะพิเศษคือ สามารถเปลี่ยนสีได้เองตามธรรมชาติ อิสระเชิญท่านเลือกชมสินค้าตามอัธยาศัย
จากนั้นแวะชมโรงงานผลิตพรมทอมือ ชมวิธีการทอพรมแบบดั้งเดิมซึ่งถือได้ว่าเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของตุรกี การทอพรมและการปั้นหม้อแถบคัปปาโดเจียเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยฮิตไทด์ โดยมีความเกี่ยวข้องกับการเลือกคู่ครองในสมัยโบราณ เพื่อให้สาวๆประทับใจ ผู้ชายทุกคนจะต้องปั้นหม้อใส่น้ำตาลให้ฝาปิดพอดีกับปากหม้อโดยจะต้องใช้ประสบการณ์และความชำนาญล้วนๆ และผู้หญิงจะต้องทอพรมโดยใช้ความประณีตและความอดทนทอพรมให้สวยงามที่สุด โดยพรมบางผืนต้องใช้เวลาในการทอเป็นปีเลยทีเดียว เพื่อให้หนุ่มๆได้เห็นว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นแม่ศรีเรือน
นำท่านถ่ายรูป ณ จุดชมวิว Pigeon Valley หุบเขานกพิราบ ที่มนุษย์เจาะเป็นโพรงเพื่อให้นกพิราบได้มาอาศัยอยู่ นกพิราบเหล่านี้ถูกใช้สำหรับส่งสารในสมัยโบราณ ปัจจุบันไม่ได้มีการใช้ประโยชน์ในการส่งสารแล้ว แต่นกพิราบจำนวนมากก็ยังคงอาศัยอยู่บริเวณนี้เป็นจำนวนมาก เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงามและไม่ควรพลาด และยังสามารถชมทิวทัศน์ที่สวยงามของหุบเขาอุชิชาร์จากบริเวณนี้ได้อีกด้วย
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ กรุงอังการา (Ankara) ***ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง*** หรือที่มีชื่อตามประวัติศาสตร์ว่า Angora เป็นเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากนครอิสตันบูล ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการต่างๆ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆในตุรกีระหว่างทางแวะชมทะเลสาบเกลือ Tuz lake ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศตุรกี ด้วยพื้นที่ 1,665 ตารางกิโลเมตร เป็นหนึ่งในทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เที่ยง : บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น เยียมชมสุสานท่านมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ANITKABIR ผู้ซึ่งประกาศอิสรภาพให้กับประเทศตุรกี เป็นผู้ก่อตั้งและประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี เดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล Istanbul (ระยะทาง 450 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5.20 ชั่วโมง) หรือ กรุงคอนสแตนติโนเปิล ชื่อเมืองหลวงในสมัยจักรวรรดิไบเซนไทน์ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศตุรกี ในปัจจุบันอิสตันบูลเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่เยอะที่สุดของประเทศตุรกี แต่อิสตันบูลไม่ได้เป็นเมืองหลวงของประเทศตุรกีนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1923
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านแวะชม ฮิปโปโดรม (Hippodrome) ตั้งอยู่หน้าสุเหร่าสีน้ำเงิน แต่เดิมบริเวณนี้เป็นลานแข่งรถม้า และศูนย์กลางเมืองในยุคไบแชนไทน์ (Byzantine) ปัจจุบันเหลือเพียงเสา 3 เสาให้เราได้ชม คือ เสาสี่เหลี่ยมยอดแหลมแห่งกษัตริย์เธโอโดเชียส (Theodosius Obelisk) เสาบรอนซ์รูปงูเกี่ยวกระหวัด (Bronze Serpentine Coluumn) และเสาคอนสแตนติน (Column of Constantine)
จากนั้นนำท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) หนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1609 – 1616 มีแรงบันดาลใจการสร้างมาจากการต้องการเอาชนะหรือสร้างมัสยิดที่มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียของคริสต์ เอกลักษณ์ของสุเหร่าสีน้ำเงินโดดเด่นด้วยหอมินาเร็ต (หอสวดมนต์) 6 หอ ซึ่งปกติหอสวดมนต์ประจำมัสยิดทั่วไปจะมีหนึ่งถึงสองหอ และลานด้านหน้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดามัสยิดของออตโตมัน ส่วนการตกแต่งภายในก็ดูยิ่งใหญ่ด้วยหน้าต่างทั้งหมด 260 บาน สลับสล้างด้วยหน้าต่างกระจกสีอันวิจิตรและพื้นที่สำหรับละหมาดขนาดกว้าง ภายในบริเวณมัสยิดมีโรงเรียนสอนศาสนา โรงพยาบาล ที่พักแรมของขบวนคาราวานและโรงครัวต้มน้ำซุป (เรียกว่าคุลลีเย) ปัจจุบันยังคงเปิดให้ประชาชนชาวมุสลิมเข้าไปทำละหมาดได้
และเข้าชม เซนต์โซเฟีย (St. Sophia) ซึ่งเป็นศิลปะแบบไบแซนไทม์ สร้างขึ้นในปีค.ศ. 532 โดยจักรพรรดิจัสติเนียน ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง เป็นโบสถ์คาทอลิก มีหลังคาเป็นยอดกลมแบบโม เสาในโบสถ์เป็นหินอ่อน ภายในติดกระจกสี เมื่อเติร์กเข้าครองเมืองได้เปลี่ยนโบสถ์นี่ให้เป็นสุเหร่าในปี ค.ศ. 1453 โดยการฉาบปูนขาวทับกำแพงที่ปูด้วยโมเสกเป็นรูปพระเยซูคริสต์และสาวก ต่อมาท่านอตาร์เติร์กได้ตกลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ปัจจุบันรัฐบาลตุรกีได้ประกาศให้เป็นมัสยิด และอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาละหมาดได้ โดยทุกวันนี้ยังคงบรรยากาศของความเก่าขลังอยู่เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะโดมที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งมีพื้นที่โล่งภายในใหญ่ที่สุดในโลก ก่อสร้างด้วยการใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักของอาคารลงสู่พื้นแทนการใช้เสาค้ำยันทั่วไป นับเป็นเทคนิคการก่อสร้างที่ถือว่าล้ำหน้ามากในยุคนั้น (ถือเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฮาเกียโซเฟียได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง) ตุรกีเป็นแหล่งกำเนิดของดอกทิวลิป และยังเป็นดอกไม้ประจำชาติอีกด้วย มีชื่อเรียกในภาษาตุรกีว่า Lale ช่วงเดือนเมษายนจะมีเทศกาลดอกทิปลิปให้ท่านได้ชมบริเวณจัตุรัสสุลต่านอาเม็ต *การชมดอกไม้ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละปี จึงไม่อาจระบุวันที่แน่นอนและการันตีการชมดอกไม้ได้*
เที่ยง : บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
นำท่านชม พระราชวังโดลมาบาห์เช่ สร้างในสมัยสุลต่านอับดุลเมจิด ในปี ค.ศ. 1843 – 1856 ยุคปลายอาณาจักรออตโตมัน ได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างหรูหรา อลังการ ผสมผสานศิลปะยุโรปและตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นหอนาฬิกาสไตล์บารอกตรงบริเวณทางเข้า ลวดลายปูนปั้นอันวิจิตรงดงาม ภายในประดับตกแต่งด้วยของชิ้นเลิศ เช่น พรมทอมือผืนใหญ่ที่สุดในโลก แชนเดอเลียร์คริสตอลขนาดมหึมาหนักห้าพันกิโลกรัม เป็นต้น การตกแต่งอย่างอลังการทำให้สิ้นเปลืองทองไปหลายตัน คิดเป็นมูลค่าในปัจจุบันประมาณพันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว จึงว่ากันว่าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิออตโตมันต้องล่มสลาย
นำท่าน ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส ช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (The Black Sea) เข้ากับทะเลมาร์มาร่า (Sea Of Marmara) ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 ก.ม. ความกว้าง ตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 ก.ม. ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรปและสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่ นอกจากความสวยงามแล้วช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย ในปีค.ศ.1973 มีการเปิดใช้สะพานบอสฟอรัส ซึ่งทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์สองข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเช่ และบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐี ซึ่งล้วนแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น
นำท่านแวะชิมขนมหวานขึ้นชื่อของประเทศตุรกี เตอร์กิชดีไลท์ หลังจากนั้นให้ท่านได้อิสระซื้อของฝาก ของขึ้นชื่อจากประเทศตุรกี ไม่ว่าจะเป็น ถั่วพิชตาชิโอ้ ถั่วฮัสเซลนัท ลูกฟิคแห้ง อินทผาลัม หญ้าฝรั้น ชาแอ็ปเปิ้ล ชาทับทิมเป็นต้น
ได้เวลาอันสมควรนำท่านสู่ ตลาดสไปซ์มาร์เกต อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยาว์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ดวงตาสวรรค์ (Evil eye) ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันขึ้นชื่อของตุรกีอย่าง แอปปลิคอท หรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ ซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น ได้เวลาอันสมควร เดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล ทำการเช็คอิน ณ เค้าเตอร์สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์
1:45 น. : ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์เที่ยวบินที่ TK68 (ใช้เวลาบินประมาณ 10 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลาย กับจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ บริการอาหาร 2 มื้อระหว่างเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯ
15.25 น. : เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม
- ราคานี้รวม
- ราคานี้ไม่รวม
- หมายเหตุ
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เที่ยวบินชั้นประหยัด (กรุงเทพฯ-อิสตันบูล–กรุงเทพฯ)
- น้ำหนักกระเป๋า 20 กิโล
- ค่าภาษีสนามบิน, ค่าภาษีน้ำมัน, ค่าภาษีประเทศตุรกี
- ค่าพาหนะทุกชนิด หรือ รถรับ-ส่ง ระหว่างนำเที่ยวพร้อมคนขับรถที่ชำนาญเส้นทาง
- ค่าที่พักห้องละ 2-3 ท่าน ในโรงแรมตามที่ระบุในรายการหรือระดับเดียวกัน
- ค่าอาหารที่ระบุตามรายการ น้ำดื่มวันละ 2 ขวด บริการบนรถ
- ค่าบัตรเข้าชมสถานที่และการแสดงทุกแห่งที่ระบุตามรายการ
- ค่าบริการนำทัวร์โดยมัคคุเทศก์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์ผู้มีประสบการณ์
- ค่าประกันอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทาง คุ้มครองในวงเงินท่านละ 1,000,000.- บาท อายุมากกว่า 75 ปีคุ้มครอง 50% ของทุนประกัน การคุ้มครองเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
- ค่าจัดทำหนังสือเดินทาง
- ค่ากักตัว ค่าจองที่พักTest&goและค่าตรวจ RT-PCR หรือ Antigen Test ทั้งในประเทศไทยและประเทศตุรกี
- ค่าประกันสุขภาพกรณีติดโควิด-19 ในระหว่างท่องเที่ยว
- ภาษีต่าง ๆ เช่น ภาษี 7% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% ฯลฯ
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, มินิบาร์และทีวีช่องพิเศษ ฯลฯ และที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
- ค่าอาหารและเครื่องดื่มสั่งพิเศษ นอกเหนือรายการ
- ค่ายกขนกระเป๋าเดินทางท่านละ 1 ใบ โดยเฉลี่ย 1 USD / ท่าน
- ค่าธรรมเนียมพนักงานขับรถและไกด์ท้องถิ่น ( 90 USD/คน/ทริป) ทิปหัวหน้าทัวร์ตามความพึงพอใจ
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าซักรีด, โทรศัพท์-แฟกซ์, เครื่องดื่มมินิบาร์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ได้ระบุในรายการ
- ค่าน้ำหนักกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด 20 กิโลกรัมต่อท่าน สำหรับโหลดใต้เครื่อง
- ประกันสุขภาพและประกันการเดินทาง หากท่านต้องการซื้อประกันเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามทางบริษัทได้
- ค่าภาษีสนามบิน, ค่าภาษีน้ำมัน, ค่าประกันภัยทางอากาศ, ค่าภาษีประเทศตุรกี หากมีการปรับเพิ่มจากสายการบิน
- ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน, อุบัติภัยทางธรรมชาติ, การประท้วง, การจลาจล, การนัดหยุดงาน, การถูกปฎิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าที่กรมแรงงานทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศ ซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ
เดินทางเดือน เม.ษ. – พ.ค. 65 / อัตราค่าบริการ : ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ราคาต่อท่าน
กำหนดการเดินทาง | ราคาต่อท่าน/บาท ขั้นต่ำ 10 ท่าน | พักเดี่ยวเพิ่มต่อท่าน/บาท |
เม.ษ. – พ.ค. 65 | 39,956 | 6,000 |
*เทศกาลดอกทิวลิปจะมีเฉพาะช่วงเดือนเม.ษ.เท่านั้น*
หมายเหตุ :-
- ราคานี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมพนักงานขับรถและไกด์ท้องถิ่น 90 USD/คน/ทริป สำหรับกรุ๊ปตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป สามารถจ่ายหน้างาน
- กรุ๊ปส่วนตัว 10ท่าน สามารถออกเดินทางได้ทันที ลูกค้าสามารถกำหนดวันเดินทางเองได้ ขึ้นอยู่กับที่นั่งว่างและเงื่อนไขคลาสตั๋วที่กำหนด ซึ่งจะต้องตรวจสอบทุกครั้งเมื่อทำการจอง
- ไม่มีราคาเด็ก เนื่องจากเป็นราคาพิเศษแล้ว
- **ราคา INFANT (อายุไม่ถึง 2 ปี บริบูรณ์ ณ วันเดินทางกลับ) ท่านละ 6,000 บาท นอนห้องเดียวกับพ่อ แม่ ไม่ใช้เตียงเสริม อัตรานี้รวมรายการทัวร์และตั๋วเครื่องบินแล้ว**
- ยังไม่มีการจองใดๆเกิดขึ้น ราคานี้จึงอาจมีการเปลี่ยนแปลง ณ วันที่ลูกค้าคอนเฟริม